เจ้าหน้าที่คุมเข้มทัณฑสถาน สนธิกำลัง 4 ฝ่าย เข้าตรวจค้นเรือนนอนและตรวจค้นผู้ต้องขังกว่า 1 พันคน พร้อมสุ่มตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายและฉี่ม่วงแต่อย่างใด
วันที่ 22 ธ.ค.60 ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง นายวาทิต ปัญญาคม นายอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เป็นประธานปล่อยแถวจู่โจมตรวจค้นกรณีพิเศษ พร้อมกับได้กล่าวให้โอวาทคณะเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ เรือนจำกลางลำปาง เจ้าหน้าที่สถานกักขังกลางลำปาง เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตรวจภูธรห้างฉัตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอห้างฉัตร และเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี กว่า 100 นาย นำโดย นางสุนันทา คงพากเพียร ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอฝาง รักษาราชการ ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง
จากนั้นได้ปล่อยแถวกำลังเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่ายเข้า จู่โจมตรวจค้นกรณีพิเศษ เพื่อให้การปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเกิดประสิทธิภาพ มีความโปร่งใสมีการบูรณาการร่วมกัน กับหน่วยงานในพื้นที่และหน่วยงานพันธมิตร เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อกรมราชทัณฑ์ และดำเนินการกวาดล้างพื้นที่ภายในเรือนจำอย่างจริงจัง ขจัดปัญหายาเสพติด เครื่องมือสื่อสาร และสิ่งของต้องห้ามภายในเรือนจำให้หมดไป
โดยการบุกค้นจู่โจมครั้งนี้ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และเมื่อถึงเวลาได้ให้ผู้ต้องขังที่อยู่ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง จำนวน 1,322 คน รวมตัวกันที่ลานเอนกประสงค์ จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจค้นเรือนนอนภายในเรือนนอน และบริเวณโดยรอบทั้งหมด ก่อนที่จะทยอยให้ผู้ต้องขังเดินผ่านเจ้าหน้าที่และตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียด ก่อนที่จะปล่อยให้ขึ้นเรือนนอนต่อไป
มีบางส่วนทางเจ้าหน้าที่ได้สุ่มเลือกมาตรวจปัสสาวะจำนวนกว่า 100 คน ปรากฏว่าทั้งหมดไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด และผลการตรวจค้นเรือนนอนในครั้งนี้ก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแม่แต่ชิ้นเดียว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เวลานากว่า 3 ชั่วโมง ถึงจะดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด
นางสุนันทา คงพากเพียร ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอฝาง รักษาราชการ ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม มีนโยบายคุมเข้มเรือนจำ ทัณฑสถานฯ สถานกักขังต่างๆ ทั่วประเทศอย่างเข้มข้น และทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปางได้สนองนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง
โดยได้มีการตรวจค้นคุมเข้มและสนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ่อยครั้งโดยจะไม่มีการแจ้งล่วงหน้าโดยจะเลือกสุ่มเวลาเช้าหรือบ่ายหรือกลางวันเพื่อให้ผู้ต้องขังไม่ทันตั้งตัว เพราะง่ายต่อการที่จะตรวจค้นหาสิ่งของแปปลกปลอมภายในโดยทำต่อเนื่องตลอดเดือนละ 1 ครั้ง จนทำให้วันนี้ผลการจู่โจมไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด