ตรวจเข้มการจำหน่ายหน้ากากอนามัย หวั่นผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคา พาณิชย์เชียงใหม่แจงนักท่องเที่ยวจีนซื้อเหมาแบบยกล็อต ยี่ปั้วและตัวแทนจำหน่ายสินค้าในสต๊อกเหลือน้อย กว่าจะสั่งได้ใช้เวลาร่วม 2 สัปดาห์ รองพ่อเมืองเชียงใหม่สั่งดำเนินการเฉียบขาดหากพบกักตุน ด้าน ทอท.เชียงใหม่ ยกคณะเดินแจกหน้ากากทั่วสนามบิน
วันที่ 30 ม.ค. 63 นายประเสริฐ ฝ่ายชาวนา พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ แจงว่า ช่วงวันที่ 28 – 30 มกราคม 2563 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ โดย กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ออกติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัย (ป้องกันฝุ่นละออง PM2.5) เพื่อป้องกันมิให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและเอาเปรียบผู้บริโภค ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยผู้ประกอบการมีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าที่ชัดเจน
นอกจากนี้ยังพบว่า ภาวะการค้าโดยทั่วไป ราคาสินค้ายังคงทรงตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา สำหรับปริมาณสินค้าในช่วงสัปดาห์นี้ (27 – 30 ม.ค. 63) สินค้ามีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค สินค้าเริ่มขาดตลาดเกือบทุกรายการ เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนตื่นตัวกับข่าวเชื้อไวรัสโคโรน่าที่กำลังระบาดหนักในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ทำให้หน้ากากอนามัย แบบ N95 ปริมาณการจำหน่ายผู้ซื้อมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่จะเหมาซื้อเป็นกล่องใหญ่เพื่อส่งไปยังประเทศจีน
ส่วนผู้บริโภคชาวไทยเริ่มตื่นตัวและมีความต้องการซื้อหน้ากากอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้ร้านค้าส่งรายใหญ่ หรือ ยี่ปั๊ว และตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่มีสินค้าในสต็อกน้อยลงหรือบางรายไม่มีสินค้าในสต็อก และต้องใช้เวลาในการสั่งนานขึ้น 1 – 2 อาทิตย์ จึงได้สินค้ามาจำหน่าย สำหรับร้านค้าปลีกส่วนใหญ่สั่งสินค้าได้ลดลงประมาณร้อยละ 70 – 80 ทำให้ผู้ประกอบการบางรายจำกัดปริมาณการซื้อของผู้บริโภค โดยจำหน่ายไม่เกินรายละ 10 ชิ้น
สำหรับราคาจำหน่ายปลีกหน้ากากอนามัย (ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5) มีราคาตั้งแต่ชิ้นละ 20 – 200 บาท ขึ้นกับชนิด คุณภาพ และยี่ห้อสินค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนหรือพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นประธานที่ประชุม ได้กำชับให้มีการตรวจสอบว่ามีการกักตุนหน้ากากอนามัยหรือไม่ พร้อมกับสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบหากพบว่ามีการกักตุนจริงให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในบทลงโทษที่สูงสุดทันที
ด้านท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในวันนี้ (30 ม.ค. 63) นายกฤษฎา พุกะทรัพย์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ นำผู้บริหารและพนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ แจกหน้ากากอนามัยให้แก่ผู้โดยสาร ทั้งผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในประเทศและผู้โดยสารที่จะเดินทางออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เนื่องจากหน้ากากอนามัยถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ ขณะที่ผู้ประกอบการให้บริการรถรับส่งผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ทำความสะอาดภายในด้วยแอลกอฮอล์กำจัดเชื้อโรค เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ ส่วนการคัดกรองผู้โดยสารตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 เป็นต้นมา ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ดำเนินการคัดกรองแล้วจำนวน 50 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 2,961 คน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแต่อย่างใด