วันศุกร์, 22 พฤศจิกายน 2567

ปลูกกัญชาผิดกฎหมาย!! เตือนประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ปลูก ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ฯ เท่านั้น

เตือน!! ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิ์ปลูกกัญชา กฎหมายอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัย เท่านั้น

จากกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค5 (สำนักงาน ปปส.ภ.5) ร่วมกับ หน่วยงานภาคีในพื้นที่เข้าตัดฟันเผาทำลายพื้นที่ลักลอบปลูกกัญชารวม 6 แปลง มีต้นกัญชาทั้งหมด 900 ต้น ในเขตพื้นที่ ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562 ภายหลังการออกกฎหมายผ่อนปรนให้ใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 – ปัจจุบัน พบการลักลอบปลูกกัญชารวม 15 ครั้งใน 11 จังหวัด ได้แก่ 1. สุพรรณบุรี 2. ปทุมธานี 3. นครพนม 4. ชุมพร 5. น่าน 6. เลย 7. แพร่ 8. นครราชสีมา 9. สุรินทร์ 10. สระแก้ว และพื้นที่ 11. ล่าสุดที่ จ.เชียงใหม่ รวมกัญชาที่ลักลอบปลูก ทั้งหมด 7,537 ต้น

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการป.ป.ส.) กล่าวว่า แม้นโยบายของรัฐบาลจะผ่อนปรนให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์และการศึกษาวิจัย แต่ไม่ได้หมายถึงว่า ประชาชนทั่วไปจะสามารถดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกัญชาโดยไม่ได้ขออนุญาตได้ เนื่องจากกัญชายังเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย หากประชาชน หน่วยงาน หรือองค์กรใด มีความประสงค์จะดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับกัญชาต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำถึงการใช้กัญชา เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนหรือผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้สารสกัดจากกัญชา เท่านั้น

ดังนั้น กัญชายังคงเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย ประชาชนทั่วไป ไม่สามารถปลูกกัญชาได้ ผู้ที่ได้รับอนุญาตจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ขณะนี้มีหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน 11 แห่ง สำหรับผู้ป่วยที่มีความประสงค์จะใช้สารสกัดจากกัญชาขอให้ไปพบแพทย์ เพราะปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่รักษาด้วยสารสกัดกัญชาแล้วรวมจำนวน 26 แห่งทั่วประเทศ

ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทำโครงการวิจัยติดตามลักษณะการใช้และคุณภาพชีวิตของผู้ใช้น้ำมันกัญชาในทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ตำรับหมอพื้นบ้าน (สูตรอาจารย์เดชา) ผลิตโดยกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา ให้ดำเนินการผลิตน้ำมันกัญชา ขนาดบรรจุ 5 ซีซี เพื่อใช้ในโครงการวิจัยฯ 3,300 ลิตร จำนวน 660,000 ขวด ให้แก่โรงพยาบาลที่มีบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและเข้าร่วมในโครงการวิจัยฯ เบื้องต้นมีจำนวน 22 แห่ง

นายอนุทินฯ กล่าวว่า การวิจัยติดตามผลการดูแลผู้ป่วยที่ใช้น้ำมันกัญชาฯ สูตรอาจารย์เดชา ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและวิจัยตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ เพราะได้รู้ผลของการรักษา ข้อดีหรือข้อเสียจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยผู้ป่วยจะได้รับการตรวจประเมินค่าทำงานของตับ ไต คุณภาพชีวิต อาการไม่พึงประสงค์ เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาให้ได้ตำรับที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย เหมาะกับผู้ป่วยในแต่ละกลุ่มโรคต่อไป

สำหรับโรงพยาบาล 22 แห่ง ที่มีบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและร่วมในโครงการวิจัยฯ มีดังนี้
เขตสุขภาพที่ 1 รพร.เด่นชัย จ.แพร่, รพ.เถิน จ.ลำปาง
เขตสุขภาพที่ 2 รพ.บางกระทุ่ม, รพร.นครไทย จ.พิษณุโลก
เขตสุขภาพที่ 3 รพ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์, รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี
เขตสุขภาพที่ 5 รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม, รพ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี, รพ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
เขตสุขภาพที่ 6 รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ จ.ระยอง
เขตสุขภาพที่ 7 รพ.พล จ.ขอนแก่น
เขตสุขภาพที่ 8 รพ.พระอาจาย์ฝั้นฯ, รพ.วานรนิวาส, รพร.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร, รพ.ห้วยเกิ้ง จ.อุดรธานี, รพ.หนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู
เขตสุขภาพที่ 9 รพ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์
เขตสุขภาพที่ 10 รพร.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี, รพ.พนา จ.อำนาจเจริญ
เขตสุขภาพที่ 11 รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี
เขตสุขภาพที่ 12 รพ.ป่าบอน จ.พัทลุง
เขตสุขภาพที่ 13 รพ.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน

ที่มา : ข่าวจริงประเทศไทย