งามไส้!!! กรมส่งเสริมวัฒนธรรมของไทย
หนุน “วัฒนธรรมญี่ปุ่น” เป็นสถานที่ ต้องไป!!! บนดินแดนเชียงใหม่
ผมเห็นประกาศของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม รัฐบาลไทย ช่วงสายๆ ของวันที่ 13 พฤษภาคม 2562 ตั้งใจว่าจะหยิบมาเขียนสะท้อนถึง ความไร้สำนึก!! ของ นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ซะหน่อย แต่กว่าจะเวลาเขียนได้ เกือบเย็นเข้าไปแล้ว
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ผมกับ “ฮิโนกิแลนด์” ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางเป็นการส่วนตัว หรือมีอคติอันใดแต่อย่างใดไม่ เป็นเพียงความเห็นโดยตรงต่อประกาศของกรมส่งเสริมวัฒนธรรมฉบับนี้เท่านั้น บทความนี้อาจจะกระทบบ้างต้องขออภัยเป็นการล่วงหน้า
มาดูตัวประกาศแบบเต็มๆ ก่อน ว่าทะเล่อทะล่า สักแค่ลงนาม!! ออกประกาศมาได้เยี่ยงไร…
“ประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เรื่อง ผลการคัดเลือก ๑๐ แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไป…..กระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบนโยบายให้คัดเลือกสุดยอดงานด้านวัฒนธรรม เพื่อประกาศยกย่องเชิดยูเกียรติ รณรงค์ให้มีการรักษามรดกศิลปวัฒนธรรม ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับศิลปวัฒนธรรม ในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ทั้งนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้รับมอบหมายให้ดำเนินการคัดเลือก ๑๐ แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไป นั้น บัดนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้คัดเลือก ๑๐ แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไป เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ ๑. ดอยตุง จังหวัดเชียงราย ๒. ฮิโนกิแลนด์ จังหวัดเชียงใหม่ ๓. จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จังหวัดนครราชสีมา ๔ ปราสาทสัจธรรม จังหวัดชลบุรี ๕. สวนนงนุช จังหวัดชลบุรี ๖. หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จังหวัดสุพรรณบุรี ๗. วู๊ดแลนด์ เมืองไม้ จังหวัดนครปฐม ๘. เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ๙. สยามนิรมิต กรุงเทพมหานคร ๑๐. ภูเก็ตแฟนตาซี จังหวัดภูเก็ต ประกาศ ณ วันที ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม”
ผมพยายามค้นหาว่า เอามาตรฐานใดมาเป็นเกณฑ์ในการประกาศ “10 แหล่งวัฒนธรรมที่ต้องไป” ซึ่งมีหลายแห่งที่ติดค้างคาใจอยู่ว่า…
เองประกาศแบบนี้ได้เยี่ยงไร???
หาทั้งในเว็บไซต์กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ทั้งค้นหาจาก “อาจารย์กู” ก็หาพบข้อมูลใดไม่ มีแต่รายงานเว็บที่ออกมากร่นด่า ในนั้นมีเพียงเว็บไซต์ “วอยซ์ ออนไลน์” ที่ต่อข่าวไว้ว่า …..สอบถามประเด็นดังกล่าวไปยังกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กลุ่มส่งเสริมเครือข่ายท้องถิ่นและชุมชน ถึงหลักเกณฑ์ในการพิจารณาแต่ละแหล่งวัฒนธรรม โดย ผอ.มนัสศรี ตันไล้ เจ้าของเรื่องดังกล่าว ระบุว่า การคัดเลือกแต่ละสถานที่มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอยู่ 5-6 ข้อ ซึ่งแต่ละสถานที่ต้องมีวัฒนธรรมที่ชัดเจน แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นวัฒนธรรมไทยเท่านั้น โดยแต่ละสถานที่ที่ได้รับการคัดเลือกมาจากการสำรวจข้อมูลและเสนอรายชื่อ ซึ่ง 10 แหล่งวัฒนธรรมตามประกาศที่ได้รับเลือกนั้น ถือเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่มีการสร้างสรรค์ และวัฒนธรรมที่โดดเด่น…..ส่วนตัวยังไม่เห็นกระแสและความเห็นจากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่มีต่อฮิโนกิแลนด์ และให้เหตุผลในการคัดเลือกสถานที่นี้ว่า “เป็นไปตามมติของกรรมการ”….. (ที่มา : https://www.voicetv.co.th/read/OLp_BcklM)
รายงานข่าวของ “วอยซ์ ออนไลน์” คาใจอยู่ 2 ประเด็น
ประเด็นแรก ผอ.มนัสศรีฯ ระบุว่า …..หลักเกณฑ์ในการพิจารณาอยู่ 5-6 ข้อ ซึ่งแต่ละสถานที่ต้องมีวัฒนธรรมที่ชัดเจน แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นวัฒนธรรมไทยเท่านั้น…..
ผมว่า…ผอ.เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ทั้งวิสัยทัศน์ ทั้งพันธกิจ ของกรมคุณระบุชัดว่า….
วิสัยทัศน์ “ภายในปี 2564 คนไทยมีค่านิยมที่เหมาะสม และประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดี โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมเป็นพลังในการขับเคลื่อน”
พันธกิจ “ส่งเสริมและสนับสนุนให้คนในสังคมมีค่านิยมที่เหมาะสม…ส่งเสริม สนับสนุนการนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้ในการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางสังคมและเศรษฐกิจ…ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ให้มีศักยภาพ…ส่งเสริมภาคประชาชนให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม…ศึกษา วิจัยและจัดการความรู้ด้านวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาและเผยแพร่…ส่งเสริม และกำกับดูแลงานภาพยนตร์และวีดิทัศน์”
แม้ว่าทั้ง “วิสัยทัศน์” ทั้ง “พันธกิจ” ไม่ได้บอกว่า “วัฒนธรรมไทย” แต่ด้วยความเป็นหน่วยงานของไทย องค์กรที่ทุกอนุกินภาษีของคนไทยทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น วัฒนธรรมที่ว่าใน วิสัยทัศน์ และพันธกิจ ต้อง!!! เป็น “วัฒนธรรมไทย” เท่านั้น!!!
อย่า…กระแดะ และอย่า…ตะแบง
เพราะฉะนั้นไอ้เกณฑ์ที่ ท่าน ผอ.ว่ามาน่ะ…ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นวัฒนธรรมไทยเท่านั้น!!! ท่านจะทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อมันไม่ได้ตอบโจทย์ใดๆ งานของกรมฯ ท่านแต่อย่างใดทั้งสิ้น
คนระดับ…ผอ. น่าจะคิดได้กว้าง ได้เยอะ กว่านี้นะ ผมว่า…
ประเด็นที่ 2 ท่าน ผอ.บอกผ่าน “วอยซ์ ออนไลน์” มาอีกว่า….. “เป็นไปตามมติของกรรมการ”…..
ตรงนี้….เออ อยากเห็นหน้า กรรมการ!!! จริงๆ
ละอยากจะถามด้วยว่า…คนไทยหรือเปล่า????
ฝากตรงๆ ถึง “คน” ของ “กรมส่งเสริมวัฒนธรรม” ถ้ายัง…ไม่สำนึก ไม่สำเหนียก ว่า…ข้าเป็นคนไทย!!! ก็น่าสำเหนียกให้จงหนักถึง ข้าวแดงแกงร้อน ที่ได้กินได้ใช้ทุกวัน ว่ามันมาจาก ภาษีของคนไทยทั่วทั้งประเทศ
ผมฟันธงทิ้งท้ายไว้ตรงนี้เลยนะว่า…หากหน่วยงานของรัฐที่จะมาทำหน้าที่ในการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย คิดได้แค่รัดนิ้ว มองไกลได้แค่หางอึ่ง เชื่อเหอะว่า….