กรมการขนส่งทางบก จัดกิจกรรม “ส่งคนกลับบ้าน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561” อำนวยความสะดวกประชาชน เดินทางอย่างปลอดภัย เข้มข้น !!! สแกนรถโดยสารทุกคัน คนขับทุกคน ตามมาตรฐานความปลอดภัย (Checklist) เดียวกันทั่วประเทศ พร้อมดูแลผู้โดยสารทุกคนถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ไม่ตกค้าง ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ”
วันที่ 10 เมษายน 2561 เวลา 18.00 น. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “ส่งคนกลับบ้าน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561” ตามโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของกรมการขนส่งทางบก พร้อมกำชับทุกหน่วยงานดำเนินทุกมาตรการดูแลความปลอดภัย และควบคุมการให้บริการตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทาง ทั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่งทางถนน ด้วยการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานในพื้นที่แบบบูรณาการเข้มข้น จริงจัง ครอบคลุมทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมผนึกกำลังทุกหน่วยงานในสังกัดดำเนินมาตรการเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่เดินทางในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ พร้อมอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทางทั้งเที่ยวไปและกลับ และเพื่อเป็นการลดความแออัดและบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต) โดย กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) จัด “กิจกรรมส่งคนกลับบ้าน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561”
โดยใช้พื้นที่บริเวณกรมการขนส่งทางบก จตุจักร เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารกรณีพิเศษรองรับผู้โดยสารที่มารอขึ้นรถเดินทางไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วยรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด ระหว่างวันที่ 10 – 12 เมษายน 2561 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมในการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ รถโดยสารและพนักงานขับรถทุกคันที่นำมารับผู้โดยสารภายในบริเวณกรมการขนส่งทางบก จะได้รับการตรวจความพร้อมเพื่อความปลอดภัยด้วยมาตรฐานเดียวกับการตรวจความพร้อมรถโดยสารที่ออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสาร และจุดจอดทุกแห่งทั่วประเทศ
พร้อมกำชับให้ผู้ขับรถโดยสาร “เปิดไฟหน้า” ตลอดเวลาขณะขับรถ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดด้วยการ “ขับช้า” และควบคุมให้ผู้โดยสาร “คาดเข็มขัดนิรภัย”ตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ ได้ประสานไปยังสหกรณ์แท็กซี่ให้จัดเตรียมรถแท็กซี่สำหรับให้บริการประชาชนให้เพียงพอ เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลการให้บริการของรถสาธารณะทุกประเภท กำชับผู้ให้บริการรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้างอย่าถือโอกาสเก็บค่าโดยสารเกินราคาโดยเด็ดขาด
ด้าน นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบกเข้มข้นทุกมาตรการพร้อมรองรับตลอดการเดินทางของประชาชน ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ” ประสานทุกหน่วยงานจัดเตรียมรถเพื่อให้บริการอย่างเพียงพอ ไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง และรถที่นำมาเสริมให้บริการในเส้นทาง ต้องได้รับอนุญาตและแสดงหลักฐานการอนุญาตไว้ด้านหน้ารถอย่างชัดเจน พร้อมยกระดับความเข้มข้นตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถต้องไร้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ 100% ทุกคน สภาพรถต้องมั่นคงแข็งแรง ต้องติดตั้ง GPS Tracking และเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ฯ GPS ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งผู้เดินทางหรือประชาชนทั่วไปสามารถติดตามและเฝ้าระวังพฤติกรรมการขับขี่เพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “DLT GPS” จากแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์ที่รถโดยสารทุกคัน ด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ ควบคุมการให้บริการอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ต้นทาง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถทั้ง 212 แห่งทั่วประเทศ
หากพบผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ห้ามออกเดินรถจากสถานีอย่างเด็ดขาด หากพบรถโดยสารไม่ปลอดภัย ไม่พร้อมใช้งานพ่นข้อความ “ห้ามใช้” ทันที และต้องนำรถเข้าตรวจสภาพหลังดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว กรณีพบพนักงานขับรถมีสภาพไม่พร้อมหรือพบการกระทำความผิดดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งปรับ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถและ “สั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่” โดยผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนรถคันใหม่และพนักงานขับรถที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่แทนทันที เพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง และเพิ่มความเข้มข้นตรวจสอบความปลอดภัยโดยเฉพาะรถเช่าเหมา(รถโดยสารไม่ประจำทาง) ระหว่างทางบนเส้นทางหลักใน 16 จังหวัด รวม 19 แห่ง สภาพรถต้องพร้อมใช้งาน อุปกรณ์ส่วนควบมีความมั่นคงแข็งแรง ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยครบถ้วน ผ่านการตรวจสภาพรถประจำปีและระหว่างปีอย่างถูกต้อง และต้องติดตั้ง GPS Tracking ที่เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก ส่วนผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถตรงตามประเภท มีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ ต้องไม่มีสารเสพติด แอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ 100% หากตรวจพบจะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย กรมการขนส่งทางบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น จริงจัง จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงทั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่ง จุดตรวจบนเส้นทางหลักใน 16 จังหวัด 19 แห่ง จุดให้บริการระหว่างการเดินทาง 189 จุดทั่วไทย รวมถึงภายในกรมการขนส่งทางบกซึ่งจะเป็นจุดจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร วันที่ 10 – 12 เมษายน 2561 และในช่วงการเดินทางกลับ ระหว่างวันที่ 16-19 เมษายน 2561 เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทุกคน และเข้มข้นการดำเนินงานของศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน สายด่วน 1584 ในทุกช่องทาง ทุกคู่สาย โดยทุกมาตรการพร้อมยกระดับความเข้มข้น จริงจัง หากผู้ประกอบการละเลยไม่ควบคุมดูแลพนักงานในสังกัดให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัยจนเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรง ฝ่าฝืนกระทำผิดเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการพิจารณาลงโทษขั้นสูงสุดทุกกรณีความผิด อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด