“หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน พี่น้องประชาชน และลูกหลานเยาวชน ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ยึดถือเป็นปรัชญาชีวิตและแรงบันดาลใจ เพราะศาสตร์พระราชาถือเป็นหัวใจของการดำรงรักษาประเทศชาติบ้านเมืองให้คลาดแคล้วปลอดภัย กับอีกเป็นการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านผู้ทรงเป็นดวงใจของแผ่นดิน ยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เราพูดถึงกันและหวังให้เกิดผลแห่งความสำเร็จ ต้องเริ่มจากการยึดมั่นพระราชดำรัสที่ว่า
1. ความรู้รักสามัคคี วันนี้มีลูกหลานเยาวชนมาร่วมกิจกรรมที่เขื่อนสิรินธรเป็นจำนวนมาก ผมจะขออธิบายให้เกิดความเข้าใจได้โดยไม่ยากเพื่อลูกหลานนักเรียนนักศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สุขแก่ตนเองและครอบครัว ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานสอนให้บุคคลมีความรู้ อันหมายถึงสรรพสิ่งต่างๆ ในการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง มีความถูกต้องทางศีลธรรมจรรยา คือ ไม่ทุจริตคดโกง ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย มีความเข้าใจตามหลักการครองตนอย่างมีคุณภาพ คิดให้ได้ว่าทำอย่างไรที่จะสามารถดำรงตนอยู่ภายใต้สภาพการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปมากในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม คำตอบในที่นี้ คือ ความเข้มแข็งมั่นคงทางอุดมการณ์ ความรู้และความเข้าใจที่จะทำให้เรารู้เท่าทัน และไม่ตกเป็นเครื่องมือของคนไม่ดี หรือผู้ที่มีความประสงค์ร้ายต่อชาติบ้านเมือง
2. ว่าด้วยเรื่องของความรัก คือ ความรักที่จะไขว่คว้าให้ตนเองสามารถเข้าถึงในเรื่องหนึ่งๆ ที่อาจเป็นคำถามอยู่ในใจหรือคำถามชีวิต ทั้งแก่ตนเองและหมู่คณะ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย เพิกเฉย อันทำให้เสียโอกาส เรื่องความรักจึงเปรียบเสมือนกำลังใจและความเพียร ดั่งเช่นพระราชนิพนธ์พระมหาชนก ที่ทรงพระกรุณาพระราชทานสอนให้บุคคลมีความอดทน ไม่ท้อแท้ ไม่ละเลยในความเพียรพยายาม ท้ายสุดเราจึงสามารถเข้าถึงได้ต่อผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา ก่อให้เกิดความรักในองค์กรและสังคม การเข้าถึงความขัดแย้งจะกลายเป็นเรื่องธรรมชาติ และความแตกแยกจะไม่เกิดขึ้น
3. ข้อนี้มีความสำคัญมากในการบริหารองค์กร สังคม และประเทศชาติ ในที่นี้และเวลานี้ผู้คนที่เป็นชนส่วนใหญ่พูดถึงความสามัคคีของหมู่คนตั้งแต่จำนวนน้อย เช่น บุคคลในครอบครัว ชั้นเรียน หรือที่ทำงาน จนกระทั่งถึงหมู่คนจำนวนมาก เช่น ผู้คนในสังคมและชาติบ้านเมือง ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความจริงใจที่มีต่อกัน ความตรงไปตรงมาในการสื่อสารถึงกัน ความสม่ำเสมอในการกระทำคุณความดี โดยยึดหลักสุจริตธรรมเป็นหัวใจในการเสริมสร้างความสามัคคี ที่จะนำพาการพัฒนาที่ยั่งยืนมาสู่ครอบครัว องค์กร และสังคม
ศาสตร์พระราชาสอนให้เราทุกคนเป็นวิญญูชน คือ มีความรับผิดชอบชั่วดี มีความรู้รักสามัคคี และมีความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา กับอีกสอนให้เรายึดมั่นหลักสุจริตธรรมในการครองตน ไม่ให้ร้ายใครผู้ใด มีความเพียร เป็นสุภาพชน และเป็นกำลังใจด้วยการเป็นแบบอย่างอันดีแก่กัน เกิดขึ้นซึ่งสังคมธรรมาภิบาล ประชาชนมีการดำรงชีวิตที่เป็นสุข และมีความรักสมัครสมาน”
ส่วนหนึ่งของปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” จ.อุบลราชธานี โดย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางเข้าเยี่ยมโครงการเขื่อนสิรินธรโมเดล โดยบรรยายให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เขื่อนสิรินธร และชุมชนรอบพื้นที่เขื่อนสิรินธร ณ ลานสวนสิรินธร เขื่อนสิรินธร อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี