วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

เริ่มแล้ว “51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน” ค่าฝุ่นละออง/HotSpotยังพุ่ง ย้ำห้ามเผาเด็ดขาดพร้อมเปิดจุดเฝ้าระวัง ชี้จับคนเผาได้รับ 5,000

01 มี.ค. 2018
3252

เชียงใหม่นับหนึ่งห้ามเผาเด็ดขาด “51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน” พ่อเมืองย้ำขอความร่วมมือไม่เผาในที่โลงและพื้นที่ทางการเกษตรอย่างเด็ดขาด ตั้งแต่ 1 มี.ค. – 20 เม.ย. พบเห็นแจ้งเบาะแสได้ที่ 0-5311-2236 หรือ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง งานนี้มีรางวัลนำจับ

นายสมคิด ปัญญาดี ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ “เฝ้าระวัง” ค่า PM10 อยู่ระหว่าง 46 – 113 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงสุดพบที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ค่า PM-10 ทะลุเกินค่ามาตรฐานที่ 120 ไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.พ.61 ที่ผ่านมา ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะวันนี้ถือเป็นวันควบคุมเข้มในการห้ามเผาเด็ดขาดในทุกพื้นที่ หรือช่วง “51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน”

สำหรับ พื้นที่ที่เกิดจุด Hotspot มากที่สุด คือ พื้นที่ที่อยู่ในโซนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่เป็นส่วนมาก เช่น อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด อำเภออมก๋อย และอำเภอดอยเต่า ซึ่งมีจุดความร้อนอยู่สูง แต่สำหรับพื้นที่อื่นๆในภาคเหนือขึ้นไปของจังหวัดเชียงใหม่ ก็เริ่มมีจำนวนจุด hotspot อยู่แล้ว ซึ่งในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ หวังจะลงจุด hotspot ลง จากปีที่แล้วมีทั้งหมด 904 จุดทั้งปี ปีนี้ได้เริ่มขึ้นมาที่ 282 จุด โดยปกติแล้วภาคเหนือจะรวมประมาณ 5,000 กว่าจุด และในส่วนของพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม และอำเภอสันป่าตอง รวมทั้งการจัดการเชื้อเพลิงที่ยังมีอยู่ในพื้นที่ป่ากว่า 1.2 แสนไร่ สามารถจัดการลดปริมาณตามหลักวิชาการได้ราวร้อยละ 50 เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีการเฝ้าระวังเข้มข้น

ด้าน นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในห้วงเวลาที่มีการดำเนินการห้ามเผาอย่างเด็ดขาดในช่วง 51 วันนั้น จะมีมาตรการรับมือในพื้นที่ต่างๆ อาทิ การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ไว้ในการดับไฟให้พร้อมใช้งาน ทั้งในพื้นที่ชุมชนของแต่อำเภอ อปท. และหน่วยอาสาต่างๆ ที่จะจัดเตรียมเจ้าหน้าของภาครัฐและภาคประชาชน ประกอบกับในช่วงที่ลาดตระเวนก็จะมีการทำแนวกันไฟควบคู่กันไปด้วย เพื่อสามารถป้องกันไม่ให้เกิดหมอกควันและไฟป่า ขณะเดียวกัน จะได้แจ้งให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกพื้นที่ของอำเภอประกาศเสียงตามสายให้กับชุมชนในทุกหมู่บ้าน ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ห้ามเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาด ในช่วง 51 วัน ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 20 เมษายน 2561 โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด หากมีผู้ใดก่อให้เกิดไฟขึ้นในพื้นที่ป่า มีบทกำหนดโทษสูงสุดไว้ว่า ถ้าเผาป่าเกิน 25 ไร่ขึ้นไป ปรับ 200,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท จำคุก 4-20 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นโทษที่ คสช. ได้ประกาศเพิ่มโทษหากเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ป่าสงวน และเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์

หากเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ชุมชน จะใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุข มาบังคับใช้ ซึ่งจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ส่วนผู้ชี้เบาะแสการเผาเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิด จะมีรางวัลนำจับรายละ 5,000 บาท สามารถแจ้งเหตุได้ที่ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-5311-2236 หรือ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารย้อนหลังได้ที่ แฟนเพจเฟสบุ๊ค “อากาศบ้านเฮา”

ด้านอำเภอเมืองเชียงใหม่ รายงานถึงจังหวัดเชียงใหม่ว่า ในวันแรกในช่วงห้ามเผาเด็ดขาดได้มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังไฟป่าและลาดตระเวน ในพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบด้วย ส่วนแยกที่ 1 ต.แม่เหียะ (ในศูนย์เกษตรฯ) ส่วนแยกที่ 2 ต.สุเทพ (สนามกีฬา ทต.สุเทพ) และ ส่วนแยกที่ 3 ต.ช้างเผือก (จุดเฝ้าระวังบริเวณหลังศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่) นอกจากนี้ในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก ซึ่งพื้นที่หมู่บ้านตั้งอยู่บนดอยสุเทพ ได้จัดชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังไฟป่า 3 จุด ได้แก่ จุดสำนักสงฆ์ขุนช่างเคี่ยน จุดสามแยกลงห้วยตึงเฒ่า และจุดแหลมสน

ในส่วนของ กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2561 ว่า พบฝุ่นละอองตรวจวัดได้ระหว่าง 46 – 113 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี ปริมาณสูงสุดตรวจวัดได้ ที่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ พื้นที่ส่วนใหญ่ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ยกเว้น อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ และ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ที่ปริมาณฝุ่นละอองลดลง ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศ ในพื้นที่ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีอากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลักษณะเช่นนี้อาจทำให้ปริมาณฝุ่นละอองเกิดการสะสม

 

กรมควบคุมมลพิษ ขอความร่วมมือจังหวัดกวดขันไม่ให้มีการเผาตลอดช่วงห้ามเผา และสำหรับจังหวัดที่อยู่ระหว่างการเร่งจัดการเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่ช่วงห้ามเผา เฝ้าระวังปริมาณฝุ่นละออง หากพบฝุ่นละอองสูงเกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ให้ชะลอ/งดการเผา เพื่อป้องกันฝุ่นละอองสูงจนเกินมาตรฐาน