โครงการชลประทานเชียงใหม่ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ภายใต้แนวคิด “พระราชกรณียกิจสถิตย์ในดวงใจราษฎร์” โดยเปิดให้เข้าชมจนถึงวันที่ 23 ต.ค.นี้
วันที่ 13 ตุลาคม 2560 นายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เป็นประธานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้แนวคิด “พระราชกรณียกิจสถิตในดวงใจราษฎร์” โดยมี นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมในกิจกรรม ณ อ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง โครงการชลประทานเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่
สำหรับการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรตินี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยะภาพ ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ รวมถึงการฟื้นฟูสภาพป่า และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ซึ่งทุกโครงการที่พระองค์ท่านทรงได้พระราชทานให้กรมชลประทานดำเนินการ ล้วนเกิดประโยชน์แก่ราษฎรทุกหมู่เหล่า สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตลอดจน เป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 70 ปี
การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ มีการจัดแสดงภาพพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่หาชมได้ยาก จำนวน 130 ภาพ นอกจากนี้ยังได้นำรถม้าพระที่นั่งมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมด้วย ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตการเดินทางเพื่อทรงงานเป็นไปอย่างยากลำบาก กรมชลประทานจึงได้ดำเนินการสร้างรถม้าถวาย ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมทุกวันไปจนถึงวันที่ 23 ตุลาคม 2560 นี้ โดยจะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. หลังจากนั้นภาพทั้งหมดจะนำไปจัดแสดงในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคเหนือช่วงแรกที่มีโครงการพระราชดำริเป็นแห่งแรกเมื่อปี 2506 จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2559 มีจำนวน 1,770 โครงการ แยกเป็นด้านแหล่งน้ำ 1,233โครงการ ด้านการเกษตร 46 โครงการ ด้านสิ่งแวดล้อม 62 โครงการ ด้านการส่งเสริมอาชีพ 89 โครงการ ด้านสาธารณสุข 15 โครงการ ด้านคมนาคม-สื่อสาร 22 โครงการ ด้านสวัสดิการสังคม/การศึกษา 199 โครงการและด้านบูรณาการอื่นๆ 104 โครงการ โดยในพื้นที่จังหวัดชียงใหม่ มีจำนวน 444 โครงการ นอกนั้นกระจายในพื้นที่ต่างๆ ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการพัฒนางานด้านการชลประทานไม่น้อยไปกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริประเภทอื่น เนื่องจากงานด้านชลประทานเพื่อการเพาะปลูกนับว่าเป็นงานที่มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยจะส่งผลให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี ไม่เพียงเฉพาะภาคการเกษตรเท่านั้น น้ำยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และการประกอบสัมมาชีพในทุกกิจกรรม ดังนั้นทรงให้ความสำคัญในลักษณะ “น้ำคือชีวิต” ดังพระราชดำรัส ณ สวนจิตลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2529 ดังความตอนหนึ่งว่า
“…หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้…” (ที่มา : หนังสือ “กษัตริย์นักปราชญ์แห่งสายนที” จัดพิมพ์โดย กรมชลประทาน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5
ธันวาคม 2554